นิทานสอนใจ...เรื่อง "สายน้ำและโอกาส"
============================
ณ ท่าเรือ...มีชายหนุ่มรอเรือข้ามฟากแม่น้ำใหญ่แห่งหนึ่งเป็นเวลานานมาก...จนกระทั่งเขาต้องพร่ำบ่นว่า
"ทำไมเรือจึงยังไม่มาซักทีนะ" ชายหนุ่มรำพึง
สักพักหนึ่ง ก็มีชายอีกคนหนึ่ง เดินทางมาเพื่อที่จะขึ้นเรืออีกเช่นกัน ทั้งคู่จึงยืนรอเรืออยู่ที่ริมฝั่งแม่น้ำด้วยกัน
"สวัสดี ท่านมารอขึ้นเรือเหมือนกันหรือ" ชายคนที่สองเอ่ย
"ใช่แล้ว แต่ยังไม่เห็นเรือผ่านมาเลย" ชายคนแรกตอบ
และในเวลาต่อมา ก็มีนักพรตผู้หนึ่ง เดินทางมาเพื่อที่จะขึ้นเรือด้วยอีกเช่นกัน นักพรตผู้นั้นคือเฉินกุ้ยเซียงนั่นเอง ทั้งสามคน จึงยืนรอเรืออยู่ด้วยกัน ที่ริมฝั่งแม่น้ำ
แต่รอแล้วรอเล่า ก็ยังไม่เห็นมีเรือผ่านมาสักที
จนชายทั้งสอง เริ่มปรึกษากันว่าจะต้องทำอย่างไรดี
ชายคนที่สองเอ่ยว่า "เราจะเอาอย่างไรกันดี นี่ก็รอมานานแล้ว เรือก็ยังไม่มาสักที"
ชายคนแรกจึงเอ่ยว่า "ข้าว่าเรารอต่อไปอีกสักหน่อยเถอะ ข้าเชื่อว่าอีกไม่นาน น่าจะมีเรือผ่านมาบ้างซักลำ"
ชายคนที่สองเอ่ยว่า "ท่านนักพรตมีความเห็นว่าอย่างไรบ้างหรือไม่"
เฉินกุ้ยเซียงจึงเอ่ยว่า "ก็ดีเหมือนกัน"
แต่เมื่อเวลาผ่านไป ก็ยังไม่มีทีท่าว่า จะมีเรือลำใดผ่านมาเลยสักลำ มีก็แต่เศษขอนไม้ลอยตามน้ำผ่านมาเท่านั้น
ชายคนที่สองจึงเอ่ยว่า "ข้าว่า เราน่าจะเก็บเอาขอนไม้ที่ลอยน้ำ มาไว้นะ เผื่อว่าอาจจะมีประโยชน์อันใดได้บ้าง"
ชายคนแรกเอ่ยว่า "ท่านนักพรตมีความเห็นว่าอย่างไรบ้างหรือไม่"
เฉินกุ้ยเซียงเอ่ยว่า "ก็ดีเหมือนกัน"
ชายคนที่สอง จึงลุยน้ำลงไปเก็บขอนไม้ขึ้นมา และเมื่อมีอะไรลอยตามน้ำมา เขาก็ลงไปเก็บมาไว้เรื่อยๆ แต่พอนานเข้า ก็ยังไม่มีเรือลำใดผ่านมาอีกเช่นเดิม และขอนไม้ที่เก็บมานั้น ก็ยังไม่รู้ว่า จะเอามาใช้ประโยชน์อันใดได้เลย จนเวลาผ่านไปนานมากแล้ว
ชายคนที่สองจึงเอ่ยว่า "ท่านนักพรต นี่เราก็รอคอยมานานมากแล้ว และเมื่อเห็นมีอะไรลอยน้ำมา ก็เก็บมาไว้ แต่ก็ยังไม่สามารถใช้ประโยชน์อันใดได้เลย เห็นทีว่า วันนี้ พวกเราคงจะไม่ได้ข้ามฟากไปไหนเป็นแน่แท้ ท่านคิดว่า เราควรจะทำอย่างไรต่อไปกันดี"
เฉินกุ้ยเซียง จึงกล่าวอย่างใจเย็นว่า "อันว่าโอกาสของคนเรานั้น เปรียบเหมือนสายน้ำ ที่พัดพา บางทีก็มาหา บางทีก็ไม่มาหา การรอคอยโอกาสนั้น ก็เปรียบเหมือนที่พวกท่านรอคอยให้เรือผ่านมา ซึ่งก็ไม่รู้ว่าจะมาหรือไม่"
"เมื่อมีโอกาสมาถึง เราก็ต้องรีบไขว่คว้าเอาไว้ ไม่ปล่อยให้ผ่านเลยไป แต่ถึงกระนั้น บางทีเราก็ยังไม่รู้อยู่ดีว่า ที่คว้าเอาไว้นั้น ใช่หนทางสู่ความสำร็จจริงหรือไม่ เหมือนดั่งที่พวกท่าน ช่วยกันเก็บเอาเศษขอนไม้ต่างๆ ที่ลอยน้ำมา อันแล้วอันเล่า แต่สุดท้ายแล้ว ก็อาจจะหาประโยชน์อันใดมิได้เลย"
"สุดท้ายแล้ว เมื่อรอคอยก็แล้ว ไขว่คว้าก็แล้ว โอกาสก็ยังไม่มาถึง แทนที่จะยอมพ่ายแพ้ต่อโชคชะตา สิ่งที่ดีที่สุด ที่ควรกระทำก็คือ สร้างโอกาสขึ้นมาเสียเอง"
"ดังนั้น ข้าเห็นว่า เราควรไปหาตัดเอาไม้ไผ่แถวนี้ มาต่อเป็นแพ แล้วแจวข้ามแม่น้ำแห่งนี้เอง กันเถิด"
ดุจเหมือนสายลมแห่งปัญญาพัดผ่านเข้ามา ชายหนุ่มทั้งสอง ได้ฟังคำชี้แนะจากเฉินกุ้ยเซียง ต่างก็เห็นด้วยทันที ว่าแล้ว ทั้งสาม ก็เข้าไปในป่าไผ่ แล้วตัดไม้ไผ่ มาต่อเป็นแพ และใช้ข้ามแม่น้ำได้สำเร็จ
ชายหนุ่มทั้งสองพากันกล่าวว่า "วันนี้พวกข้า นอกจากจะสามารถข้ามแม่น้ำได้สำเร็จแล้ว ยังได้หลักคิด ในการใช้ชีวิตอีกด้วย ท่านนักพรต มีปัญญายุทธที่แหลมคม สมคำร่ำลือ นับถือๆ"
นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า...โอกาสในชีวิตของคนเรานั้น เมื่อผ่านเข้ามาแล้ว เราควรจะรีบไขว่คว้าเอาไว้ ไม่ปล่อยให้ผ่านเลยไป เพราะอาจจะไม่มีผ่านมาให้เห็นอีก
แต่ในบางครั้ง หากมัวแต่รอคอยโอกาสให้ผ่านเข้ามา และรอไขว่คว้าโอกาสเพียงอย่างเดียว อาจจะไม่สามารถทำให้เราประสบความสำเร็จได้ เพราะ การรอคอยโอกาสนั้น คือความไม่แน่นอน
ดังนั้น โอกาสยังมาไม่ถึง หรืออาจจะมาช้าเกินไป เราก็จงสร้างโอกาสขึ้นมาด้วยตัวของเราเอง
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น